[KNB : Akakuro] Melt the heart of a vampire - [KNB : Akakuro] Melt the heart of a vampire นิยาย [KNB : Akakuro] Melt the heart of a vampire : Dek-D.com - Writer

    [KNB : Akakuro] Melt the heart of a vampire

    เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าผู้คนต่างรีบเข้าเรือนเพราะอะไรน่ะหรอ ความเชื่อในสิ่งที่ไม่มีตัวตนในยามฟ้ามืด ความน่ากลัวของ ผีดูดเลือด

    ผู้เข้าชมรวม

    2,012

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    2.01K

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    66
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 57 / 16:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Melt  the  heart of a vampire

    [KNB : AKAKURO]







     


     
    สุขสันต์วันฮาโลวีนค่ะ !!

    ก็ต้องขอขอบคุณมากเลยที่บังเอิญ(?)ผ่านเข้ามาในฟิคเรื่องนี้

    แน่นอนว่าไรท์ต้องแต่งคู่โปรดคู่นี้อยู่แล้วและเป็นเรื่องแรก

    ที่ไม่มีการลวนลาม(?)แตะเนื้อต้องตัวเลยอาจจะน่าเบื่อไปหน่อย

    ก็ต้องขอโทษด้วยน้อ TT^TT

    ปล.เขียนเหมือนจะมีภาคต่อเลยเนาะ555 ขอดูก่อนละกันค่ะว่าสามารถไปต่อได้แค่ไหน

    ปลล.ไม่ได้เขียนนานภาษาอ่านจะแปลกไปบ้างนะค่ะ แงง



     
     










     
     
    Seven Dwarf : theme ver.two for Dek-d
    seven dwarf.

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      [Kuroko  no  basket] Melt the heart of a vampire
      Paring : AkashiXKuroko
      Rate : PG-13
      Story : Yukiko12





        ยามราตรีของทุกค่ำคืนมีความเชื่อว่าเป็นเวลาที่ประตูโลกแห่งความเป็นและโลกแห่งความตายเชื่อมโยงต่อกัน....ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วท้องนภาที่ยามแสงอาทิตย์มักจะมีผู้คนเพ่นพ่านเที่ยวเล่นหรือทำงานอยู่กันเต็มพื่นที่  

        แต่กลับกันเมื่อแสงลาลับขอบฟ้ามนุษย์อย่างเรากลับรีบเข้าเรือนเพราะความหวาดกลัว
      ความเชื่อในเมืองแห่งนี้พูดถึงความน่ากลัวของ....ผีดูดเลือด


         ' คุโรโกะ เท็ตสึยะ' เด็กหนุ่มตัวเล็ก ที่อาศัยอยุ่ในเมืองที่ห่างไกลจากตัวเมืองหลวงกำลังนอนตีขาเล่นบนเตียงอ่านนิยาย  แดร็ก  คิวล่า  ที่แต่งขึ้นโดย บราม สโตกเกอร์
      นักเขียนชาวไอริช อย่างสุขสบายใจ  เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประศาสตร์เมื่อครั้งนานมาแล้วทำให้คุโรโกะที่ชื่นชอบทางด้านการอ่านหนังสือ วรรณกรรมต่างๆให้ความสนใจเป็นอย่างมากถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องสุดสยองก็ตาม....


        "เท็ตสึยะ มานี่หน่อยลูก !!" เสียงทุ้มหวานของหญิงสาวผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกลูกชายตัวเองที่อยู่ในห้อง  คุโรโกะขานรับตอบกลับผู้เป็นแม่ไป มือบางปิดหนังสือที่ตนกำลังอ่านอยู่แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะไม้ริมห้อง
       เพียงเวลาไม่นานคุโรโกะก็ออกมาจากห้องของตัวเองแล้วเดินมาหาร่างหญิงสาวก่อนจะเอ่ยถามจุดประสงค์ที่เรียกตนออกมา

        "คือว่า..น้ำในถังมันหมดน่ะสิ แม่อยากให้ลูกออกไปตักน้ำลำธารข้างหลังบ้านเราให้หน่อยน่ะจ้ะ" คุโรโกะ มายะ  สาวร่างบางวัยกลางคนที่ยังคงความสวยใส เรือนผมสีฟ้าอ่อนยาวประบ่า ผิวขาวซีดเซียวราวกับไร้โลหิตบวกกับสกิลความจืดจางที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม(?)ที่ให้เด็กหนุ่มมาเต็มๆเอ่ยบอกด้วยท่าทีหนักใจ

        "จริงๆแล้วแม่ไม่อยากให้ออกไปในเวลานี้เลยข้างหลังบ้านเรายิ่งเป็นป่าไม้อยู่ด้วย ภูติ ผี ปีศาจ หรือสัตว์ร้ายอาจจะทำร้ายลูกก็ได้ แต่มันจำเป็นนี่นา...ยิ่งร่างกายลูกผอมแห้งแรงน้อยยิ่งทำให้แม่เป็นห่วง ยังไงก็ระวังตัวด้วยละลูก กลับเร็วๆยิ่งกลับดึกยิ่งอันตราย"
      คุโรโกะมองแม่ตัวเองที่เอื้อนเอ่ยประโยคยาวๆที่เน้นย้ำคำว่า'ยิ่ง'ด้วยแววตานิ่งสนิท
      เธอคนนี้ยังคงนิสัยพูดเก่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เขาอดดีใจไม่ได้จริงๆที่ได้นิสัยเงียบๆเหมือนคนเป็นพ่อมา....




        "ฮึบ..."




        สุดท้ายและท้ายสุด(?)คุโรโกะก็ต้องออกมาเพื่อตักน้ำอยู่ดี ทั้งๆที่เขาอยากจะนอนอ่าน
      นิยายสบายๆแท้ๆ กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้.....เขาใช้สองมืออุ้มถังขึ้นมาไว้แนบอกก่อนจะก้าวเดินเข้าสู่ตัวป่า

        ในระหว่างทางนั้นมีเพียงเสียงสัตว์ แมลงกลางคืนตัวเล็กตัวน้อยและเสียงลมพัดมาโชยอ่อนๆเท่านั้นที่พอจะเป็นเพื่อนกับเขา
        คุโรโกะเดินไปเงียบๆตามทางที่เขามาตักน้ำเป็นประจำแม้ว่าในหัวเขากำลังคิดว่าหาก
      ผี ปีศาจ พวกนั้นมีจริงล่ะก็..ไม่สิมันต้องมีแน่ๆอยู่แล้วแต่ถ้าเกิดเขาได้เจอ
      มีหรือที่คนอย่างเขาจะกลัวในเมื่อเดิมทีเขาก็ถูกมองว่าเหมือนกลับพวกนั้นอยู่แล้ว

        "อยากลองเจอดูซักครั้งจริงๆ.."คุโรโกะพึมพำเบาๆ เมื่อถึงที่หมายแล้วร่างบางย่อตัวลงจุ่มถังลงไปในลำธารเพื่อลองน้ำสะอาดให้เต็มตามที่ตัวเองต้องการ

        ในขณะเดียวกันระหว่างที่คุโรโกะกำลังลองน้ำอยู่ประสาทสัมผัสที่ว่องไวกว่าคนอื่นก็ทำให้เขาได้ยินเสียงพุ่มไม้ด้านหลังขยับถึงจะเพียงช่วงเวลาน้อยนิด
       
        คุโรโกะนิ่งไปซักพักแล้วใช้สองมืออุ้มน้ำที่เต็มถังแล้ววางไว้บนพื้นหญ้าก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วหันหลังสาวเท้าอย่างรวดเร็วแต่เงียบเชียบไปดูต้นเหตุการณ์เกิดเสียง



        ตึกตักตึกตัก



        หัวใจที่ลุ้นระทึกเต้นดังโครมครามด้วยความตื่นเต้นปนความกลัวเพียงเล็กน้อย
      มือขาวทั้งสองค่อยๆแหวกพุ่มไม้ออกก่อนจะเห็นตัวต้นเสียงแล้วลอบถอนหายใจ
      ด้วยความโล่งอก



        "..กระรอกเองหรอกหรอ.."


        คุโรโกะส่ายหัวน้อยๆกับความคิดมากของตัวเองในระหว่างที่เขาจะกลับไปเพื่อจะเอาถังน้ำแล้วกลับไปที่บ้าน ดวงตาสีฟ้าอ่อนก็สบเข้ากับดวงตาหนึ่งคู่ภายใต้ความมืด
      ดวงตาข้างนึงที่มีสีเหลืองทองและอีกข้างที่มีสีแดงเพลิง ทำให้เกิดความรู้สึกน่าเกรงขามและน่ากลัวไปในเวลาเดียวกัน กาลเวลาหยุดนิ่งไปซักพักใหญ่ๆ ไม่รู้ทำไมแต่เหมือนร่างกายเคลื่อนไหวไปเองทั้งๆที่สมองยังไม่ได้สั่งการ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็ย้ายมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าของดวงตาเสียแล้ว


        คุโรโกะมองนิ่งๆเหมือนที่อีกฝ่ายมองมาที่เขาไม่ต่างกัน  ชายเรือนผมสีแดงสดและผมส่วนด้านหน้าที่ถูกเซ็ตไปไว้ด้านหลังเผยให้เห็นดวงตาเรียวคมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  ร่างสูงที่สูงกว่าเขาเพียงนิดเดียว(ย้ำ)ก็ไม่ได้ส่งผลทำให้ความหล่อเหลาของคนตรงหน้าน้อยลงเลย  เขาเพียงแค่สงสัยการแต่งตัวที่ออกจะแปลกประหลาดซะมากกว่าเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนเขาเองก็นึกไม่ออก

        "...เจ้าไม่ควรออกมากลางดึก" เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบคนผมแดงก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนเพื่อหยุดเล่นเกมส์จ้องตาระหว่างตนเองและคนผมฟ้าถึงแม้ว่าเขากำลังให้ความสนใจกับคนตัวเล็กนี้อยู่ก็ตาม ที่มีใจกล้าพอที่จะสบตากับเขา


        "...ทำไมล่ะครับ...?" คุโรโกะถามกลับขมวดคิ้วมุ่นสงสัยกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกแทนเขา ดูแล้วเหมือนคนหลงยุค  แต่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้คนพูดน้อยอย่างเขาอยากจะคุยกับคนผมแดง


        เจ้าของดวงตาสีเพลิงและทองคำจดจ้องไปยังคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคุยอยู่กับอะไร 
      แววตาสีฟ้าอ่อนที่เรียบเฉยนั้นแสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มตัวน้อยไม่มีแม้แต่ความกลัวยิ่งไปกว่านั้นคืนวันนี้ยังเป็นคืนที่ความแข็งแกร่งของเขามากเป็นเท่าตัว ยิ่งล่าเหยื่อได้เยอะยิ่งดี
      ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อยอย่างสนุกใจเมื่อได้เจอกับ 'เหยื่อที่น่าลิ้มลอง'


        "เพราะเจ้าจะพบกับความตา.."  ไม่ทันที่เสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยจบร่างเล็กของคุโรโกะก็พุ่งเข้ามาจับมือหนาของเขาพลิกไปมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกแทนที่จะกลัว


        " มือของคุณเปื้อนเลือด....ไปโดนอะไรมาน่ะครับ!!" ก่อนหน้านั้นที่คุโรโกะกำลังฟังคำตอบเขาก็ต้องสะดุดตากับมือของคนตรงหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดดกลิ่นคาว
      ตัวเขานั้นมักจะห่วงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอโดยเฉพาะกับคนที่บาดเจ็บ ถึงจะไม่ค่อยแสดงออกก็เถอะ

        มือบางรีบล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในกระเป๋าเสื้อออกมาเช็ดตามบริเวณที่เปื้อนให้อย่างรีบร้อนทั้งฝ่ามือหลังมือหรือตามซอกนิ้วต่างๆให้หมด"เรียบร้อยครับ.."

         เมื่อเช็ดเสร็จคุโรโกะก็พึ่งนึกสงสัยเมื่อไม่เห็นรอยบาดแผลใดๆเลยและอีกอย่างนึงความเย็กยะเยือกของมือหยาบทำให้เขาพลอยขนลุกไปตามๆกัน คุโรโกะสะดุ้งตัวชักมือกลับ
      อย่างรวดเร็ว "เย็นจัง.." 


        จากการกระทำของอีกฝ่ายแล้วทำให้ร่างสูงผมแดงชะงักไป นานแล้วที่ไม่มีใครเคยใส่ใจเขา  ไม่มีใครคอยห่วงใย ริมฝีปากได้รูปไม่ตอบคำถามแต่กลับยิงคำถามกลับไปหลังจากที่สมองประมวลผลความคิดบางอย่างว่าเขายังไม่ควรทำอะไรตอนนี้ "เจ้า..มีนามว่าอะไร?"

        "..คุโรโกะ เท็ตสึยะ ครับ.." คุโรโกะตอบกลับไปเมื่อคิดว่าไม่มีอะไรเสียหายที่จะบอกคนตรงหน้าก่อนที่จะถอยออกมาพอประมาณเมื่อรู้สึกว่ายืนใกล้กันเกินไป "คุณ..?"


        "..อาคาชิ เซย์จูโร่.." อาคาชิพยักหน้าช้าๆเชิงว่ารับรู้แล้วบอกชื่อตัวเองกับร่างเล็กบ้าง
      มีความรู้สึกบางอย่างที่บอกเขาว่าเด็กน้อยตรงหน้าไม่เหมือนใคร ไม่เหมือนเหยื่อตัวไหนๆที่พอเจอเขารับรู้ตัวตนของเขาจะวิ่งหนีและรอเขามอบความจายให้...
      อยาก...อยากรู้จักมากกว่านี้ "เท็ตสึยะ...สินะ ข้าไม่คุ้นชินกับที่นี่ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเจ้าช่วยพาข้าชมดินแดนแห่งนี้หรือสถานที่ที่เจ้าชื่นชอบได้หรือไม่?"

        " เอ๋?! แต่ว่า...ก็ได้อยู่หรอกครับ ในเวลาแบบนี้คงพาเดินได้ไม่ทั่วทั้งหมด ใกล้ๆนี่มีสวนดอกไม้อยู่ยังไงก็ไปที่นั่นดีกว่าครับ...." คุโรโกะแทบจะตั้งตัวไม่ทันที่อยู่ดีๆอีกฝ่ายเรียกชื่อจริงของเขาทั้งๆที่ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เขาจะไม่ยอมให้เรียกเด็ดขาดแถมยังให้พาไปนู่นนี่อีกตังหาก แล้วทำไมต้องเป็นที่ที่เขาชอบด้วยล่ะ...

        "เอาอย่างงั้นก็ได้...รีบไปซะสิ" อาคาชิคว้ามือนุ่มมากุมไว้อย่างที่ไม่เคยทำกับใครแล้วเอ่ยแกมสั่งหนุ่มน้อยตัวขาวที่ถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจเขาอยู่ ดูแล้ว
      อาคาชิก็อดยกยิ้มในใจไม่ได้กับท่าทางโกรธที่ดูน่าแกล้งในสายตาเขา

        "ครับๆ...แล้วทำไมต้องจับมือผมด้วย" คุโรโกะเหลือบตามองมือของตัวเองที่ถูกกุมไว้ซะแน่นโดยที่เจ้าของมือเย็นๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับน้ำเสียงที่เริ่มจะขุ่นเคืองของเขาเลย
      ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย เขาก็ถือตัวให้เกียรติอีกฝ่ายเสมอ แต่การที่ต้องมาจับมือกับผู้ชายด้วยกันแล้วทำให้เขาอยากจะเป็นลมลงตรงนี้ซะเลย

        "เดี๋ยวข้าหลง..."อาคาชิตอบสั้นๆตัดบทและเป็นคำตอบที่ไม่ถูกกลั่นกรองจากสมองไม่มีความจริงเลยซักนิด..แล้วเดินนำออกจากตรงนั้นพลางกระตุกมือ(ลาก)คนตัวเล็กที่แทบจะปลิวตามแรงของเขาให้เดิมตามมา


        
        

        ฟิ้วววววว





        เสียงลมพัดปลิวไสวให้ความรู้สึกผ่อนคลาย กลีบดอกไม้นานาพันธุ์ล่องลอยอยู่กลางอากาศละลานอยู่เต็มไปหมดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่ ดวงจันทร์ที่ทอแสงลงมาทำให้เพิ่มความสวยงามให้กับเหล่าดอกไม้อีกเป็นเท่าตัว ท่ามกลางความเหน็บหนาวของอากาศยามกลางคืนในสวนดอกไม้


        "....อาคาชิคุงผมว่าคุณชักจะมากไปใหญ่แล้วนะครับ...." เมื่อพูดคุยกันมากพอสมควรความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มเขยิบขึ้นมาขั้นนึง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุโรโกะจะยอมให้ชายผมแดงเอาแต่ใจมานอนตักนุ่มนิ่มของเขาหรอกนะ

        "ที่นี่สวยจังนะ  เท็ตสึยะ" อาคาชิพูดสวนเจ้าของตักทันทีตอนนี้เขานอนตะแคงตัวบนม้านั่งริมสวนหันหน้าออกฉายภาพสวนดอกไม้เบื้องหน้าอย่างสวยงามบวกกับตักนุ่มนิ่มของ
      คุโรโกะแล้วทำให้เขาสบายมากจริงๆ แต่กว่าเจ้าของจะยินยอมก็เล่นเอาตบตีกันหลายยก แต่มีหรือที่เขาจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ


        คุโรโกะถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคนเอาแต่ใจ เขาพอจะรู้นิสัยคนผมแดงได้ครา่วๆแล้วเพราะเป็นคนที่ชอบสังเกตคนอื่นอยู่แล้วเลยเอ่ยถามมากมายไประหว่างเดินทางมาและถามที่นี่ด้วยเช่นกัน

        อย่างเรื่องที่เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรอยู่ในป่ากลางดึกแล้วทำไมมือถึงเปื้อนไปด้วยเลือดแบบนั้น อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า 'มาล่าสัตว์(อาหาร)กลางคืน'
        รวมถึงเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน....ว่าทำไมถึงได้มีเขี้ยวที่แหลมคมและน่ากลัวแบบนั้นได้



        "ข้าได้มาทางเชื้อสายน่ะ"


       "แล้วเวลาคุณแปรงฟันคุณไม่ลำบากหรอครับ"


        "ไม่ล่ะ"


        "ทำไมล่ะครับ?"


        "เพราะข้ามีสูตร"


        "คุณมีสูตรการแปรงฟันเนี้ยนะ"

       
        "ใช่"


        เวลาเลยมาเนิ่นนาน ต่างคนต่างลืมเวลาแต่สำหรับอาคาชิแล้วช่างเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและทำให้เขารู้สึกมี 'ความสุข'  เหลือเกิน เพราะการที่เขามีตัวตนบนโลกนี้แต่ถูกบันทึกไว้ในรายชื่อคนตาย ความรู้สึก หัวใจ เขาก็ไม่มีมันอีกแล้ว ด้านชาและหายไปตลอดกาล

        "เท็ตสึยะ..เจ้ากลัวคนตายหรือไม่?"หลังจากที่เป็นฝ่ายถูกถามมาพอสมควรอาคาชิก็ชิงถามบ้างก่อนที่คุโรโกะจะถามเขาอีก

        "หมายถึง..ผีหรอครับ?" คุโรโกะก้มลงมองคนบนตักเมื่อทวนความหมายอีกครั้งและเมื่อได้คำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้าเขาก็บางอ้อทันที แล้วตอบกลับไปอย่างที่ใจคิด

        "...ไม่หรอกครับ ผมออกจะสงสารพวกเขาด้วยซ้ำ คนเราน่ะไม่อยากตายหรอกนะครับ การเล่าปากต่อปากหรือการเขียนบรรยายลงในหนังสือสมุดเป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าจริงทั้งหมด ผมเชื่อว่าต้องมีส่วนที่มนุษย์เรานำมาดัดแปลงแน่นอน ผมจะไม่กลัวตราบใดที่ยังไม่เห็นกับตาตัวเองครับ.."

        เป็นครั้งแรกที่อาคาชิเห็นคนผมฟ้าพูดประโยคยาวแบบนี้และเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนเขาอดนึกขำไม่ได้ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังคุยอยู่กับผีตนนึงอยู่ยังไงล่ะ
      อาคาชิลุกขึ้นนั่งตรงแล้วเอ่ยบอกเด็กหนุ่มข้างกายด้วยน้ำเสียงเจือความเศร้า
      "...นี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้วมันจะเป็นอันตรายต่อเจ้า กลับไปพักผ่อนซะ.."


        " อะ..เอ๋!! นั่นสิครับ" คุโรโกะพึ่งนึกได้ว่าเวลาที่เขาออกจากบ้านก็สามสี่ทุ่มแล้วตอนนี้แม่เขาต้องเป็นห่วงมากแน่ๆอีกอย่างถังน้ำก็ทิ้งไว้อยู่ที่ลำธารอยู่เลยนึกแล้วก็อยากจะร้องไห้ซะอย่างงั้น

        "เอาเป็นว่าผมขอตัวตรงนี้เลยละกัน...ไว้เจอกันใหม่นะครับอาคาชิคุง.."คุโรโกะบอกลาอาคาชิที่ส่งยิ้มมาให้เพียงเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นโบกมือแล้ววิ่งจากไปพร้อมกับหัวใจที่เริ่มเต้นผิดจังหวะ




        ตึกตึกตึก



        เมื่อเสียงฝีเท้าของร่างเล็กนั้นห่างออกไปจนเงียบลงความสงบก็ครอบคลุมอีกครั้ง
      อาคาชิหลับตาลงภาพเด็กหนุ่มผมฟ้ายังลอยอยู่ให้เขาเห็นไม่ไกลห่าง
      ตั้งแต่เขาจำความได้ว่าตัวเองกลายเป็นอะไร เขาก็ลืมการมีความรู้สึกไปแล้ว
      ไม่รู้จักคำว่าเจ็บ ไม่รู้จักปวด ไม่รู้สึกเหนื่อย และไม่รู้สึกรัก....แต่







        มนุษย์ที่ชื่อ  คุโรโกะ เท็ตสึยะ

      ถ้าเจ้าได้รู้ว่าข้าเป็น ผีดูดเลือด ที่พวกเจ้าหวาดกลัว

      จะกลัวข้าหรือไม่

      ไม่สิ....


      นี่มันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น







      --THE END--

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×